สวัสดีเพื่อนๆ ชาว dacapo-group ทุกท่าน ที่ติดตามข่าวสารจากเราเป็นประจำ หรือใครก็ตามที่พึ่งเข้ามาใหม่ มาอ่านบทความเป็นครั้งแรก เพราะต้องการทราบว่า โป๊กเกอร์ คืออะไร มีวิธีเล่นยังไง? หลักการนับแต้ม การดูไพ่เป็นอย่างไร แบบไหนใหญ่ที่สุด ซึ่งวันนี้ทีมงานจะมาอธิบายทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเกมโป๊กเกอร์ให้ทุกคนได้รับทราบ เข้าใจง่าย และละเอียดที่สุด
โดยมือใหม่ที่อยากจะศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ต้องเริ่มที่ต้นตอต้นกำเนิดของมันเสียก่อน เพื่อให้รู้ลึกรู้จริงถึงรากฐานประวัติความเป็นมาโป๊กเกอร์ ไม่ใช่แค่เล่นเอาสนุกไปวันๆ เท่านั้น แต่มันบ่งบอกความเป็นมืออาชีพที่นักพนันทุกคนต้องมี และก้าวสู่เซียนไพ่โป๊กเกอร์ในอนาคตต่อไป
โป๊กเกอร์ คืออะไร ?
โป๊กเกอร์ คือ (ชื่อภาษาอังกฤษ : Poker) เกมไพ่ชนิดหนึ่งคล้ายกับ ป้อกเด้ง หรือ เก้าเก ของบ้านเรา แต่มีวิธีการเล่นที่ซับซ้อนมากกว่า ไม่ง่ายมากนัก และต้องอาศัยทั้งดวง ความเชี่ยวชาญในการเล่น และต้องมีไหวพริบ ใช้จิตวิทยาอ่านใจเพื่อนให้ออก และใช้ความน่าจะเป็นในการเล่น เพื่อเอาชนะคู่แข่งให้ได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ยาก ถ้าทำความเข้าใจมากพอ รวมถึงมีการฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอ
ประวัติในอดีตเกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ริเริ่มคิดค้น หรือถือกำเนิดมาจากที่ใด มีเพียงแค่ข้อสันนิฐานที่หลายคนคิดกัน โดยเชื่อว่า โป๊กเกอร์ เริ่มต้นมาจากจีน บ้างก็ว่าเป็นประเทศเยอรมัน เพราะเกมที่ชื่อว่า “Poshspiel” มีทฤษฎีคล้ายกับโป๊กเกอร์ หรือแม้แต่ประเทศอินเดีย ก็มีเกมไพ่ “Ganjifa” ที่มีกฎ กติกา คล้ายการเล่นโป๊กเกอร์เช่นเดียวกัน
แต่ท้ายที่สุด หลักฐานจากประเทศฝรั่งเศษ ทำให้มีน้ำหนัก เชื่อถือได้ ใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด นั่นก็คือเกมส์ “Pogue” เป็นเกมส์ไพ่ที่เริ่มต้นเล่นใน ศตวรรษที่ 15 ใช้ไพ่ 52 ใบ 1 สำรับ มี 4 ดอก และที่สำคัญหลักในการเล่น มีวิธีเล่น วิธีคิดการวางแผนเดิมพัน นั้นเหมือนกับ ไพ่โป๊กเกอร์ออนไลน์ในยุคนี้เป็นที่สุด
Poker วิธีเล่น โป๊กเกอร์ คืออะไร เล่นยังไง? ไปดูกัน
สำหรับการเล่นโป๊กเกอร์จะใช้ไพ่สำรับมาตรฐาน 52 ใบ ซึ่งแต่ละใบจะมีค่าหรือแต้มไพ่ต่างกัน โดยผู้เล่นต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าไพ่แต่ละใบเรียงลำดับยังไง ถึงจะสามารถวางเดิมพันได้ เรามาดูวิธีเรียงแต้มกันได้เลย
การเรียงลำดับแต้มไพ่โป๊กเกอร์
โดยจะเรียงจากค่ามากที่สุดไปยังค่าน้อยที่สุด ดังนี้
A หรือ Ace (เอซ)
K หรือ King (คิง)
Q หรือ Queen (ควีน)
J หรือ Jack (แจ็ค)
10 หรือ สิบ
และแต้มหน้าไพ่เลข 9 , 8 , 7 , 5 , 4 , 3 , 2 ตามลำดับ
**หมายเหตุ ทั้ง 4 ดอก ของไพ่ไม่มีค่า ไม่นำมาคิด ไม่ว่าจะเป็น โพดำ โพแดง ดอกจิก หรือข้าวหลามตัด
เอาล่ะ เมื่อรู้ลำดับไพ่แต่ละใบแล้วว่าใบไหนสูงสุดใบไหนต่ำสุดเราไปต่อกันที่ วิธีเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ เลยดีกว่า
วิธีเล่น Poker Online โป๊กเกอร์ออนไลน์
- เริ่มต้นคือผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับแจกไพ่คนละ 2 ใบ และจะมีไพ่กองกลางอีกจำนวน 5 ใบ และวางเงินเดิมพันตามที่ตกลง
- จากนั้นให้เปิดไพ่ในมือตัวเองดู แล้วตัดสินใจว่าจะผ่าน (ไม่ลงเงิน/ให้คนอื่นเล่น) จะสู้ (เกย์ทับ ลงเงินเพิ่ม) หรือจะหมอบ (เลิกเล่นตานั้นไป) ซึ่งเริ่มเล่นเราก็สามารถใช้จิตวิทยาทำให้คู่แข่งกลัวได้เลยทันที โดยการสู้ คือลงเงินเพิ่มมากๆ ให้ผู้อื่นคิดว่าเรามีไพ่ใหญ่ แต่ที่จริงแล้วเราอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ บอกได้คำเดียวว่าเกมนี้วัดใจเพื่อนร่วมเล่นแบบสุดๆ
- เมื่อตัดสินใจครบทุกคนแล้ว ไพ่กองกลางจะถูกเปิดออก 1 ใบ/รอบ
- จากนั้นเทียบไพ่ตัวเองกับไพ่ในกองกลาง ว่ามีแพทเทิร์นเป็นยังไง ไพ่ใหญ่ หรือ เล็ก ตามหัวข้อด้านล่าง
- หากใครถือไพ่สูงสุดจะเป็นผู้ชนะ
- แลถ้าหมอบทั้งวง เหลือเพียง 1 คน (ถือว่าคนนั้นชนะทันที แม้ไพ่จะสูงหรือต่ำก็ตาม)
อันดับไพ่โป๊กเกอร์ แบบไหน เรียกว่า ใหญ่ หรือ เล็ก
หากใครมีลักษณะไพ่ที่ได้ตามรูปแบบดังต่อไปนี้ ถือว่าอาจจะเป็นผู้ชนะในเกมก็เป็นได้ ซึ่งเราจะเรียงลำดับจากรูปแบบไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ไปหาน้อยที่สุด มีด้วยกัน 10 แบบ ดังนี้
1. รอยัล ฟลัช หรือ รอยัลสเตรทฟลัช (Royal Straight Flush)
คือ ไพ่ใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วย A , K , Q , J , 10 โดยต้องมีไพ่ที่เป็นสีเดียวกัน หรือดอกเดียวกัน ทั้งหมด (ถ้ามีผู้เล่นได้ไพ่แบบนี้เหมือนกัน ถือว่า โพดำ ใหญ่สุด) โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก 0.00015%
2. สเตรทฟลัช (Straight Flush)
หรือเรียกอีกอย่างว่า เรียงสี คือ ไพ่ทั้ง 5 ใบ ต้องมีการเรียงลำดับแต้มกัน และดอก(สี) ต้องแบบเดียวกันด้วย เช่น 7 , 6 , 5 , 4 , 3 โพแดง ในภาพตัวอย่าง
3. โฟร์การ์ด (Four of a kind) หรือ (ชื่อเล่น : Quad)
คือ ไพ่ 4 ใน 5 ใบ มีแต้มเท่ากัน เลขเหมือนกัน แต่คนละดอก หรือดอกไม่เหมือนกันก็ได้
4. ฟูลเฮ้าส์ (Full House)
คือ ไพ่ที่มีทั้ง ไพ่ตอง และไพ่คู่ ใน 5 ใบ ถ้ามีเหมือนกัน ให้ดูดอกในแต้มไพ่ตองเป็นเพื่อบ่งบอกว่าใครใหญ่สุด
5. ฟลัช หรือสี (Flush)
คือ ไพ่โป๊เกอร์ที่มีดอกเดียวกันทั้ง 5 ใบ ในกรณีที่มีสีมากกว่า 1 คน ให้นับใบที่มีแต้มมากที่สุด (เป็นตัวคิกเกอร์)
6. สเตรท หรือเรียง (Straight)
คือ ไพ่ 5 ใบ เรียงลำดับกัน (ไม่จำเป็นต้องดอก หรือสี เหมือนกัน) โดยกรณีนี้มีความพิเศษที่ว่า ถ้า A เรียงแบบ 5 , 4 , 3 , 2 , A (ถือว่าเป็นแต้มต่ำสุด) หรือหากเรียงแบบ A , K , Q , J , 10 (ถือว่าเป็นแต้มสูงสุด) ก็ได้เช่นกัน
7. ตอง (Three of a kind) หรือ (ชื่อเล่น : Trips, Triple)
คือ ไพ่ 3 ใบ มีแต้มเท่ากัน หรือไพ่ตองธรรมดา ไม่ต้องเรียง ไม่ต้องดอกเหมือน มีโอกาสเกิดขึ้นสูง
8. 2 คู่ (Two pair)
คือ ในไพ่ทั้ง 5 ใบ จะมีไพ่ที่แต้มเหมือนกันอยู่ 2 คู่ ในตัวอย่างเช่น คู่ K กับ คู่ 2
9. 1 คู่ (One pair)
คือ ในไพ่ทั้ง 5 ใบ จะมีไพ่ที่แต้มเหมือนกันอยู่ 1 คู่ ในตัวอย่างเช่น คู่ 3
10. ไพ่สูง (High card)
หากทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีผู้เล่นคนใดเป็นแบบนั้น ให้นับไพ่ในมือใบสูงที่สุด ใครมีไพ่สูงที่สุดถือว่าชนะ (โดยถ้าไพ่สูงที่สุดตัวแรกเท่ากัน ให้นับตัวที่สอง หากตัวที่สองเท่ากันอีก ให้แบ่งเงินกองกลางไปเลย) ในตัวอย่าง K ใหญ่สุด
อย่างไรก็ตามหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่พึ่งเริ่มศึกษาการเล่นเกมโป๊กเกอร์ ไม่มากก็น้อยนะคะ